ทุกคนเคยได้ยินคำว่าเงินเฟ้อบ่อยๆ แต่รู้มั้ยว่าเงินเฟ้อคืออะไร? แน่นอนว่าเงินเฟ้อบอกถึงสถานการณ์ที่ราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างเช่นในอดีตเมื่อเรามีเงิน 100 บาท เราสามารถซื้อข้าวจานละ 25 บาทได้ 4 จาน แต่ในปัจจุบันราคาข้าวเพิ่มขึ้นเป็นจานละ 50 บาทเราซื้อข้าวได้แค่ 2 จาน นั่นทำให้เงินที่เรามีมีมูลค่าน้อยลงหรือสามารถซื้อสิ่งของได้น้อยลง
สาเหตุหลักๆที่เกิดเงินเฟ้อเช่นนี้มีหลายปัจจัย รวมถึงราคาต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ราคาน้ำมันที่แพงขึ้น ค่าแรงงานที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย ผู้ประกอบการจำเป็นต้องขึ้นราคาสินค้าตามไปด้วย อีกสาเหตุหนึ่งคือการเพิ่มอำนาจซื้อของผู้คนเนื่องจากมีเงินในมือมากขึ้น ซึ่งทำให้มีกำลังและความต้องการในการซื้อสินค้าและบริการต่างๆมากขึ้น จากนั้นเกิดการตัดราคาสู้กันในตลาด และเมื่อมองภาพรวม ทุกคนมีอำนาจซื้อมากขึ้น ส่งผลให้สินค้ากลายเป็นสินค้าที่แพงขึ้นตามไปด้วย บางคนอาจสงสัยว่า เงินเฟ้อเกิดจากสาเหตุอะไร เพราะก่อนที่ต้นทุนการผลิตจะแพงขึ้นหรือก่อนที่เงินในมือผู้คนจะมีมากขึ้นจนเกิดเงินเฟ้อ ต้นตอหรือจุดเริ่มต้นจริงๆของเรื่องนี้เกิดจากอะไรกันแน่
ถ้าเรามองย้อนกลับไปในอดีตเมื่อพูดถึงคำว่า “Money” นั้นจะหมายถึงสิ่งที่มีมูลค่าและสามารถใช้แลกเปลี่ยนสำหรับการซื้อขายสินค้าหรือบริการได้ เช่น ทองคำหรือแร่เงินอื่นๆ ซึ่งมีมูลค่าในตัวเอง และสามารถเป็นสิ่งที่มีค่าธรรมชาติหรือมีความสามารถในการสะสมค่าได้ ส่วนคำว่า “Currency” นั้นไม่มีมูลค่าในตัวเอง แต่มักจะเป็นตัวแทนหรือสิ่งที่ใช้แทนการชำระเงิน ยกตัวอย่างเช่นธนบัตรที่เราใช้ประจำในปัจจุบัน ธนบัตรไม่มีมูลค่าอะไรเลยแต่ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์หรือตัวแทนที่แทนค่าเงินที่เรามี นั่นคือเราใช้ธนบัตรเพื่อแสดงถึงสินทรัพย์ที่มีมูลค่าหรือสินทรัพย์ที่เราสามารถแลกเปลี่ยนด้วยมูลค่าในธนบัตรนั้นๆได้
ในอดีตเมื่อมนุษย์ใช้ทองคำเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้า ธนาคารฝากทองถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้คนสามารถฝากทองคำไว้ในธนาคารและได้รับใบถอนทองคำเป็นสัญญาณแสดงถึงจำนวนทองคำที่ฝากไว้ ใบถอนทองคำกลายเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าแทนทองคำได้ในสมัยนั้นๆ
และเมื่อเวลาผ่านไป ระบบการแลกเปลี่ยนสินค้าเปลี่ยนแปลง ธนาคารและรัฐบาลได้สร้างสกุลเงินที่เป็นตัวแทนของมูลค่าเพื่อให้ง่ายต่อการซื้อขายและการแลกเปลี่ยนสินค้า ธนบัตรกลายเป็นสื่อกลางในแลกเปลี่ยนสินค้าแทนทองคำในปัจจุบัน
จากการที่ทองคำมีเสถียรภาพและได้รับการยอมรับเป็นอย่างมาก จึงเกิดเป็นระบบ Gold Standard เป็นระบบการเงินที่เชื่อมโยงสกุลเงินกับมูลค่าของทองคำเพื่อสร้างความเสถียรและเชื่อถือได้มากขึ้น ระบบนี้ได้รับความนิยมเนื่องจากทองคำมีค่าและรับรองได้มาก ส่งผลให้มีการค้าขายเพิ่มขึ้นและกระบวนการทางเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว นับเป็นระบบการเงินที่สำคัญอย่างมากในอดีต
สาเหตุของเงินเฟ้อ
ปัญหาคือเมื่อเศรษฐกิจขยายตัวมากขึ้น การแลกเปลี่ยนสินค้าเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณทองคำที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนสินค้ามีจำกัด รัฐบาลจึงพิมพ์ธนบัตรเพิ่มขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ผลที่เกิดขึ้นคือปริมาณธนบัตรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดธนบัตรกลายเป็นมีจำนวนมาก ในขณะที่ปริมาณทองคำคงที่เท่าเดิม
ซึ่งถ้ามองย้อนจากกราฟราคาทองคำในสมัยก่อนอยู่ที่ประมาณ 1 ออนซ์ต่อ 20 USD แต่เมื่อปี 1972 ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสันของอเมริกาได้ประกาศยกเลิก Gold Standard หรือพูดง่ายๆก็คือยกเลิกการผูกเงินดอลลาร์ไว้กับทองคำนั่นเอง ทำให้สหรัฐในตอนนั้นสามารถผลิตเงินได้ไม่จำกัดและไม่ต้องคำนึงถึงทองคำว่ามีอยู่ในคลังเท่าไหร่สิ่งที่ตามมาก็คือราคาทองสูงขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่องเพื่อชดเชยส่วนที่มีธนบัตรเพิ่มขึ้นในระบบ จนปัจจุบันราคาทองคำอยู่ที่ประมาณเกือบ 2,000 USD
เพราะฉะนั้นย้อนกลับมาจุดเริ่มต้นที่ว่าสาเหตุที่แท้จริงของการที่สินค้าและบริการต่างๆมีราคาสูงขึ้นจนเกิดเงินเฟ้อเนี่ยต้นเหตุมันมาจากการที่การพิมพ์ธนบัตรใส่เพิ่มขึ้นไปในระบบนั่นเอง สรุปง่ายๆเลยก็คือเงินเฟ้อคือการที่ money มีเท่าเดิมแต่ currency มีเพิ่มขึ้น
ข้อดีของเงินเฟ้อ
ซึ่งถ้าพูดถึงข้อดีของเงินเฟ้อ เงินเฟ้อก็สามารถกระตุ้นการลงทุนและเศรษฐกิจเติบโตได้ ในประเทศเงินเฟ้อที่อ่อนๆอาจส่งผลให้มีการกล้าลงทุนและเพิ่มการจ้างงาน เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในขณะเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อเงินเฟ้อรุนแรงหรือเกิดการเติบโตของเงินเฟ้ออย่างรวดเร็ว (Hyperinflation) อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจโดยทั่วไป ประเทศเวเนซุเอลาเป็นตัวอย่างที่เป็นที่รู้จักกันดี โดยที่มูลค่าของสกุลเงินในประเทศนั้นลดลงอย่างรวดเร็วและสูญเสียค่าเสียหายอย่างร้ายแรง การควบคุมการเงินเฟ้อเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจของประเทศ และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเงินเฟ้ออย่างไม่ควบคุมได้
การเกิดเงินเฟ้อและปัญหาเศรษฐกิจที่พังอาจเกิดขึ้นในประเทศต่างๆ อาจเป็นคำเตือนให้เราระมัดระวังและดูแลเศรษฐกิจในประเทศของเรา การเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจช่วยให้เรารับรู้ถึงความเสี่ยงและปัจจัยที่อาจเกิดเงินเฟ้อขึ้นได้ อย่างไรก็ตามอย่ากังวลมากจนเกินไปเพราะประเทศไทยยังมีโอกาสที่จะรักษาความมั่งคั่งและเศรษฐกิจได้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้น
การเอาชนะเงินเฟ้อ
การเอาชนะเงินเฟ้อสามารถทำได้หลายรูปแบบ ถ้ามองในภาพรวมระดับประเทศก็อาจจะเป็นเรื่องของการปรับเปลี่ยนนโยบายทางการเงิน เช่น การเพิ่ม/ลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินที่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ, การเพิ่มผลผลิต เป็นต้น แต่ถ้าพูดถึงระดับบุคคลเราสามารถเอาชนะเงินเฟ้อยังไง ซึ่งจริงๆแล้วมีหลากหลายวิธีด้วยกัน ดังนี้
- ลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เช่น หุ้นทองคำ คริปโตเคอเรนซี่ รวมไปถึงกองทุนรวมต่างๆ เป็นต้น ช่วยรักษามูลค่าเงินได้ในระยะยาวได้
- การออมเงิน เพื่อให้มีเงินสำรองสำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉิน
- การเพิ่มรายได้ในรูปแบบต่างๆ เช่น ทำงานเสริม หรือพัฒนาทักษะเพื่อเพิ่มโอกาสทางการงาน
- ลดหนี้สิน โดยวางแผนการใช้เงินอย่างรอบคอบและลดหนี้สินที่ไม่จำเป็นออก สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการเงินเฟ้อได้
- การศึกษาและเข้าใจเกี่ยวกับเศรษฐกิจ คอยติดตามข่าวสารเกี่ยวกับเศรษฐกิจทั้งในระดับประเทศและระดับโลกเพื่อจะได้ปรับตัวทัน
สนใจคอร์สเรียน สัมมนาฟรี และข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อเราได้ที่
Facebook: Bravo Trade Academy Global
YouTube: Bravo Trade Academy
Line@: BravoTradeAcademy
Instagram: Bravotradeacademy
TikTok: @bravo_tradeacademy
Twitter: Toeybravo
Website: www.bravotradeacademy.com