Elliott Wave คืออะไร
Elliott Wave เกิดจากการสังเกตลักษณะการเคลื่อนไหวของราคาแบบลูกคลื่นที่เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมาเรื่อยๆ ทั้งในราคาหุ้นหรือสินทรัพย์อื่นๆ โดยลักษณะของคลื่นนั้นมีหลากหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดและพฤติกรรมของผู้คนในตลาดที่เกิดขึ้นซ้ำๆวนไปเปรียบเสมือนอารมณ์ของนักลงทุน ทฤษฎีนี้สร้างขึ้นโดย Ralph Nelson Elliott ในต้นศตวรรษที่ 20 และเป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมสูงจนถึงปัจุบัน
ความสำคัญของ Elliott Wave คือในการนำมาประยุกต์ใช้ในการตัดสินใจการลงทุนหรือเทรดตลาดทุกประเภท โดยใช้ลำดับคลื่นช่วยในการทำนายราคาตลาดในอนาคต การใช้ Elliott Wave ต้องอาศัยความเข้าใจที่ลึกซึ้งและประสบการณ์ในการวิเคราะห์กราฟราคา
โดย Elliott Wave จะแบ่งลักษณะของคลื่นออกเป็น 2 ประเภท แบบแรกคือ คลื่นที่ไปตามแนวโน้มเทรนด์ใหญ่ (Motive Wave) ที่ประกอบด้วยคลื่นทั้งหมด 5 ลูกใหญ่ คือ 1,2,3,4,5 และ คลื่นการพักตัว (Corrective Wave) ซึ่งประกอบไปด้วย 3 คลื่น a,b,c นั่นเอง
Motive Waves
Motive Wave คือคลื่นที่ไปตามเทรนด์ ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์ขาขึ้นหรือเทรนขาลงคือ Motive Wave แต่ถ้าเกิดว่าเป็นตลาด Side Way เมื่อไหร่จะเป็น Corrective Wave มากกว่า ซึ่งเราจะนับแค่ 5 คลื่นเท่านั้นนะทุกคน แต่อย่างที่บอกว่ามันเป็นคลื่นที่ตามเทรนด์ ในหลายๆครั้งมันไม่ได้มีแค่ 5 คลื่นอาจจะมีมากกว่านั้นเช่น 9, 13, 17, 21 แต่ภาพหลักยังไงก็ต้องมี 5 คลื่น ถ้ามันมีมากกว่านั้นนั่นหมายความว่าเป็นคลื่นย่อยข้างในอีกที แต่สุดท้ายภาพใหญ่ก็คือ 5 คลื่นอยู่ดี เอาง่ายๆมองว่าเป็นคลื่นที่มีเทรนแค่นั้นพอ
ทีนี้การที่เราจะเข้าใจ Motive Wave ได้อย่างลึกซึ้งเราจะต้องรู้ชนิดของเขาและรู้กฎของแต่ละชนิดด้วย แบ่งเป็น 2 แบบ คือ
1. Impulse Wave
Impulse Wave จำง่ายๆเลยว่าเขาคือคลื่นที่เป็นเทรนด์อย่างแข็งแรง ย้ำว่าเป็นเทรนที่แข็งแรง ฉะนั้นระยะยืดของ Impulse Wave จะต้องยกโลยกไฮและไปได้ไกล ตามภาพเป็นภาพ Impulse ขาขึ้นแข็งแรงคือ Uptrend กับ Impulse ขาลง เพราะเราสามารถเทรดได้ทั้ง 2 หน้าเทรด ฉะนั้นเป็นความรู้ที่ดีมากๆที่เราจะมองเห็นภาพเดียวกันในทั้งสองฝั่งก็คือทั้งหน้าเทรด Buy และหน้าเทรด Sell
กฎของ Impulse Wave
จากภาพจะเห็นว่าเรามีอยู่ 5 คลื่นหลักๆ โดยจุดเริ่มต้นเราสามารถเรียกว่าจุดเริ่มต้นของ Wave 1 หรือเราจะเรียกว่า Wave 0 ก็ได้ แล้วแต่ว่าเราเข้าใจแบบไหนได้ดีกว่า โดยกฎมีทั้งหมด 3 ข้อดังนี้
- Wave 2 ห้ามลงมาต่ำกว่าจุดเริ่มต้นของ Wave 1 หรือในขาลงก็คือห้ามขึ้นไปสูงกว่าจุดเริ่มต้น
- Wave 3 ห้ามสั้นที่สุด ไม่ว่าเวฟ 1 หรือเวฟ 5 จะสั้นที่สุดไม่เป็นไรขออย่างเดียวเวฟ 3 ห้ามสั้นที่สุด แต่ถามว่าเวฟ 3 ต้องยาวที่สุดไหมก็ไม่จำเป็น เวฟ 1 อาจจะยาวที่สุดก็ได้แต่ขอให้เวฟ 3 มาเป็นอันดับ 2 และเวฟ 5 สั้นที่สุด
- Wave 4 ห้ามลงมา overlap wave 1 ถ้าเป็นเทรนขาลงก็คือห้ามขึ้นไป overlap wave 1 นั่นเอง
อันนี้ก็คือเป็นกฎของ Impulse Wave นั่นเอง ขอแค่ 3 ข้อนี้ถ้าเกิดว่ามันไม่แหกกฎถือว่าเราเจอ Impulse Wave แล้ว มาดูประเภทต่อไปกัน
2. Diagonal Wave
Diagonal เป็นเทรนด์ที่ตรงข้ามกันก็คือเป็นเทรนที่อ่อนแอ ไม่แข็งแรงแบบ Impulse ลองสังเกตจากภาพจะเห็นว่าความชันของกราฟแตกต่างกันมากๆเลย เหตุผลก็คือว่า Diagonal จะเกิดที่ต้นเทรนและปลายเทรนด์หรือว่าต้นคลื่นหรือปลายคลื่นนั่นเอง ช่วงต้นคลื่นเค้ายังต้องต่อสู้กับเทรนก่อนหน้าอยู่ หรือปลายคลื่นเค้าต้องต่อสู้กับการที่ Trend เริ่มจะหมดอายุแล้วทำให้เทรนเริ่มไม่แข็งแรง และเริ่มแสดงความอ่อนแอออกมาตามกฎของ Diagonal เลย โดยเราจะมีทั้งหมด 5 คลื่นเหมือนเดิม มาเริ่มกันเลย
กฎของ Diagonal Wave
- Wave 2 ห้ามลงมาต่ำกว่าจุดเริ่มต้นของ Wave 1 หรือในขาลงก็คือห้ามขึ้นไปสูงกว่าจุดเริ่มต้น
- Wave 3 ห้ามสั้นที่สุด
- Wave 4 overlap Wave 1 ซึ่งตรงนี้จะแตกต่างจาก Impulse เพราะถ้าเป็น Impulse คือห้ามแตะเลย
ลองเปรียบเทียบดูจะเห็นว่าภาพของเทรนความแข็งแรงต่างกันอย่างชัดเจนแล้วเรื่องนี้มีผลต่อ trade set up หรือการตัดสินใจในการเข้าเทรดของเราด้วย ว่าเราจะเข้าเทรดตามเทรนแบบไหนเดี๋ยวทุกคนจะได้เรียนรู้กันต่อไป
Corrective Wave
อย่างที่บอกว่า Corrective Wave จะเป็นคลื่นย่อหรือว่าคลื่นที่สวนเทรน ฉะนั้นเราจะเจอเขาได้ที่คลื่น 2 หรือคลื่น 4 เท่านั้น โดย Corrective Wave เราจะไม่ได้สอนเพื่อให้ทุกคนเทรดสวนเทรน แต่สอนเพื่อที่ในอนาคตเราจะได้รู้ว่าเราจะเข้าตรงไหน ถ้าเราเข้าใจแล้วจะรู้ว่าเราจะเข้าเทรดที่ไหน เราจะหา Corrective ในจังหวะที่กราฟย่อเพื่อให้เราเข้าเทรด
ต่อมาพูดถึง Corrective Wave ที่เจอบ่อยมากๆในตลาด คือ Zigzag และ Flat ก่อนที่เราจะไปรู้จัก Zigzag และ Flat จะให้พาทุกคนเห็นภาพก่อนว่าแล้วเราจะเจอ 2 สิ่งนี้ที่ตรงไหน กลับมาที่ Impulse จากพาร์ทแรกทุกคนจำได้ไหมว่าเรามี 1 2 3 4 5 ซึ่งทั้งหมดนี้มันคือภาพของเทรนด์ที่เป็นภาพใหญ่ แต่เรามาดูกันว่า Zigzag กับ Flat เป็นอย่างไร
1. Zigzag
Zigzag อย่างที่บอกว่าเป็นคลื่นย่อตามภาพ เราอ้างอิงอัพเทรนเป็นหลักคือขาขึ้น เพราะว่าถ้าเป็นตลาดหุ้นหรือว่าเป็น Growth assets จะเป็นขาขึ้นซะส่วนใหญ่ แต่ขาลงที่เราเทรดใน CFD หรือว่าจะเป็น Option ต่างๆที่เราสามารถ short หรือว่า sell ได้ เราก็แค่กลับหัวกราฟแค่นั้นเอง
ซิกแซกจะมีแค่ 3 สวิงเท่านั้นไม่เหมือน 5 คลื่นของ Motive Wave เลย สำหรับ Corrective จะมี 3 จุด คือ จุดเริ่มต้นของ a ลงมาเป็น a ขึ้นมาเป็น b และลงมาจบเป็น c
กฎของ Zigzag
วิธีดูรายละเอียด Zigzag ถ้าเราเห็นแล้วว่าเรามีศูนย์ลงมาที่ a ให้ดูว่า b ของซิกแซกไม่ควรเกิน 88.6% ของคลื่น a โดยกางฟิโบจากศูนย์มาที่ a
การที่ b ของ Zigzag ห้ามเกิน 88.6% นั่นหมายความว่าคีย์ของการเป็นซิกแซกคือ b ห้ามเด้งขึ้นไปเยอะเกินหรือว่าห้ามย่อลึกเกิน
ต่อมาที่ c ระยะเวฟ a จะเท่ากับขนาดของเวฟ c ซึ่งวัดได้โดยการใช้ Fibo Projection วัดจากศูนย์ลงมาที่ a และ โปรเจคไปที่ b เราหา c ที่ 100% ของ Fibo Protection ซึ่งมันคือความหมายเดียวกันก็คือเวฟ a และเวฟ c มักจะเท่ากัน
2. Flat
ต่อมาเราไปที่ Flat กันดีกว่า Flat มีหลายรูปแบบมากๆนะแต่ว่าเราจะโฟกัสแค่รูปแบบเดียวที่ทำกำไรได้อย่างยั่งยืน ถ้าถามว่าอีก 2 รูปแบบทำกำไรได้ไหมบอกเลยว่าทำได้แต่ว่ามันมีความเสี่ยงที่มากกว่า ฉะนั้นเราเอาภาพที่ชัวร์ดีกว่า อันแรกคือ Regular Flat อันที่ 2 คือ Running flat และสุดท้าย Expanded flat
1. Regular Flat
จากภาพจะเห็นว่า b ย่อขึ้นไปเกือบจะเท่าๆศูนย์เลยและ c ลงมาเกือบเท่าๆ a ราคาอยู่ในกรอบเดิมหรือว่า sideway อย่างที่ทุกคนรู้จักนั่นเอง
2. Running Flat
Running Flat คือ b ย่อลึกเหมือนกันแต่ต่างจาก Regular Fat ตรงที่ c ลงมาไม่ถึง a แล้วรีบไปต่อ แต่อย่างที่บอกว่า 2 แพทเทิร์นนี้เราไม่ได้ใช้ในการเข้าเทรดและไม่ได้เจอบ่อยเท่า Flat อันสุดท้าย
3. Expanded Flat
Expanded Flat คือ a ขึ้นไปที่ b ถ้า b ย่อไม่ลึกเราจะมองว่าเขาเป็นซิกแซก แต่ภาพนี้จะเห็นว่า b ย่อลึกเกิน 88.6% ถ้าเกินเมื่อไหร่ตีเลยว่ามีโอกาสเป็นแฟลตสูงมาก และ c ด้วยความที่เป็น Expanded หมายความว่าคลื่น c ยืดได้ไกล ไกลขนาดไหนให้วัดด้วย Fibo Projection จาก 0 ไป a ไป b เหมือนเดิมเพื่อหา target เวฟ c ของ Expanded Flat โดยเราจะเข้าที่ 161.8% แสดงว่าเวฟ c ทั้งหมดเป็น 161.8% ของเวฟ a
3. Triangle
Triangle หรือว่าแพทเทิร์นสามเหลี่ยมเป็นหนึ่งในแพทเทิร์นใช้ในการเข้าเทรดได้ดีมากๆเพราะว่าเขาสามารถรันกำไรไปได้มากกว่า 1 เท่าอย่างแน่นอน จะเจอตอนที่คลื่นกำลังย่ออยู่ แต่มีกฎอยู่ว่าห้ามเกิดในคลื่น 2 จะพบเจอได้ในคลื่น 4 ลักษณะจะเป็นตามภาพคือมี a b c d และ e มี 5 คลื่นแต่ไม่สามารถเป็นโมทีฟได้ถึงแม้ว่าจะมี 5 คลื่นเหมือนกับ Impulse เลย เหตุผลก็เพราะว่าเขาพักตัวไม่ได้เป็นเทรน ไม่ได้มีการยกโลยกไฮใดๆเกิดขึ้นเลย
Triangle แบ่งเป็นสองรูปแบบคือ สามเหลี่ยมปากปิด เราจะเรียกเขาว่า Contracting Triangle และอีกรูปแบบคือสามเหลี่ยมปากเปิด เรียกว่า Expanding Triangle นั่นเอง ถ้าเราเจอแพทเทิร์น Triangle ที่ตรงไหนเมื่อจบ Triangle แล้วราคาจะไปต่อโดย Copy Pattern ก่อนหน้านั้นมา สมมติว่าแพทเทิร์นก่อนหน้ายกไฮยกโลมา เมื่อจบ Triangle เขาก็จะยกไฮยกโลเช่นเดียวกัน จึงเป็นแพทเทิร์นที่ทำกำไรได้ดีมาก โดยจะแนะนำให้เข้าเทรดแค่ Contracting พอเพราะว่า Expanding ระยะเก็บทำกำไรไม่ค่อยเยอะเท่า Contracting เท่าไหร่ วันนี้เราจะมาโฟกัสให้ที่ Contracting กัน
ใน Triangle มี 5 คลื่นย่อยคือ a,b,c,d,e สิ่งที่สามารถสังเกตได้ก็คือในทุกๆคลื่นย่อยของ Triangle ควรจะเป็นซิกแซก วิธีการหาจุดเข้าเทรดให้ใช้ฟิโบว์โปรเจคชั่นวัดจาก b ไป c และ Project ไปที่ d เราเข้าเทรดที่ 61.8% แล้วอย่าลืมเช็คนะว่าคลื่นภายในของเขาเป็นซิกแซกมั้ยเพื่อใ้ห้มั่นใจว่าเป็น Triangle เพราะถ้าไม่ได้ดูว่าคลื่นภายในเป็นยังไงเราอาจจะหลงทางได้นะว่าเป็น Triangle จริงหรือเปล่าหรือว่ามันแค่กำลังจะเป็นคลื่นที่อ่อนแรงแล้วกำลังจะขึ้นต้นเทรนใหม่
หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเทรดโดยใช้ Elliott Wave สามารถเข้ามาเรียนรู้ได้ในสัมมนาฟรี “Elliott Wave แกะรอยรายใหญ่ เน้นกินกำไรคำโต” โดยอาจารย์ซิ่งและโค้ชมุกมิกผู้เชี่ยวชาญทฤษฎี Elliott Wave โดยตรง สอนทฤษฎีการนับคลื่นตั้งแต่เริ่มต้น เข้าใจง่ายแม้มือใหม่ก็สามารถเรียนรู้ได้ ช่วยให้คุณเห็นจุดเข้าเทรดที่มากขึ้น ไม่พลาดโอกาสในการทำกำไร เป็นสัมมนาฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย เพียงทำคุณสมบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดก็สามารถเข้าห้องเรียนได้เลย นอกจากนี้เรายังมีคอร์สเรียน “ไซต์งานโครงสร้าง Elliott Wave” สำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้แบบเจาะลึกและทำกำไรระยะยาว เป็นคอร์สที่ออกแบบโดยเฉพาะสำหรับนักเรียนบราโว่เท่านั้น ไม่เหมือนกับคอร์ส Elliott Wave ทั่วไป
สนใจคอร์สเรียน สัมมนาฟรี และข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อเราได้ที่
Facebook: Bravo Trade Academy Global
YouTube: Bravo Trade Academy
Line@: BravoTradeAcademy
Instagram: Bravotradeacademy
TikTok: @bravo_tradeacademy
Twitter: Toeybravo
Website: www.bravotradeacademy.com