สำหรับจุดเริ่มต้นการเทรดของอาจารย์เต้ย ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าเต้ยไม่เคยมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องของการเทรดหรือการเก็งกำไรมาก่อนเลย อยากให้ทุกคนเข้าใจก่อนว่าการเทรดคืออะไร? คิดง่ายๆมันเหมือนกับการเก็งกำไร ทุกคนอาจจะเคยไปซื้อทองที่ร้านทอง เวลาเราอยากได้ทองสมมุติว่าเป็นทองรูปพรรณ เป็นแหวนเป็นสร้อยหรืออาจจะเป็นตุ้มหูทอง อีกอย่างนึงก็คือเป็นทองคำแท่ง สมมุติว่าเต้ยซื้อสร้อยทองนี้มาตอนสมัยที่เราอายุ 20 เมื่อ 15 ปีที่แล้ว สมมุติว่า 15 ปีที่แล้วทอง 1 บาทราคา 20,000 บาท แล้วบังเอิญว่าปัจจุบันสร้อยนี้เราก็ยังใส่อยู่ และทองคำปัจจุบันสมมุติว่าอยู่ที่บาทละ 28,000 บาท แปลว่าตอนนี้เราได้กำไร 8,000 นั่นเอง ถ้าบังเอิญว่าช่วงนี้จำเป็นต้องใช้เงินจำเป็นต้องเอาทองไปขายที่ร้านทอง สมมุติว่าหักนู่นนี่นั่นนิดหน่อยอาจจะเหลือกำไรประมาณสัก 7,200 บาท ก็ถือเป็นกำไรจากต้นทุนของเราที่เพิ่มขึ้นมา ซึ่งนี่ก็คือการเก็งกำไรอย่างหนึ่งที่เราไม่รู้ตัวเลย แบบนี้ก็คือการเทรดนั่นเอง คือเราถือทองยาว 15 ปีหรือเรียกว่าถือยาว
สมัยก่อนเวลาเราซื้อขายทองคำกันไม่ได้มีกระดานเทรดแบบนี้ เขาก็จะใช้กระดาษแล้วก็เป็นการพล็อตราคาแล้วก็จะลากเส้นลากเส้นเชื่อมหากัน สมมุติว่าราคาอยู่ที่ 1,000 บาทแล้วก็ขึ้นต่อไปเรื่อยๆในแต่ละเดือน หลังจากนั้นราคาก็ร่วงต่อสมมุติราคาร่วงกลับลงมาที่ 1,000 อีกครั้งนึง คนที่เป็นนักเก็งกำไรหรือนักลงทุนเนี่ยเขาก็จะเข้าซื้อตรงนี้ ถ้าเกิดว่ามีคนซื้อเหมือนกันเยอะๆหรือว่าแบบต่างประเทศเขาก็แบบซื้อเก็บกันราคามันก็จะขึ้นขึ้นไปเรื่อยๆ เมื่อก่อนเขาก็จะพล๊อตกราฟแล้วก็ลากเส้นแบบเชื่อมหากันอย่างทำให้เขารู้ว่าตรงไหนเป็นจุดที่น่าซื้อตรงไหนน่าขาย เมื่อก่อนมันเป็นแบบนี้ตั้งแต่สมัยของปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์ ปัจจุบันเราก็เทรดแบบนี้นี่แหละ
แต่สมัยนี้จะอยู่ในรูปแบบของกระดานเทรดก็คือใน Application พวกราคาต่างๆก็อยู่ในกระดานเทรด ทีนี้สิ่งที่เราต้องรู้ก็คือรู้ว่าจุดไหนน่าเข้าซื้อตรงจุดไหนน่าขายแค่นั้นเอง สมมุติว่าเราเคยซื้อทองบาทละ 22,000 บาทกันอาจจะย้อนไป 3 ปีที่แล้ว ปัจจุบันราคาขึ้นมา 30,000 บาท แล้วทีนี้มันก็เกิดเหตุการณ์อะไรบางอย่างทำให้ทองคำปรับตัวลงไปอยู่ที่ 22,000 บาทเท่ากับ 3 ปีที่แล้ว คำถามคือเราจะซื้อไหมที่ราคาบาทละ 22,000 บาท? นี่แหละคือการเทรด คือคุณกำลังเทรดทอง แล้วคุณกำลังเข้าซื้อในจุดที่สวยมากๆด้วย เป็นจุดที่มันมี demand คือมีความต้องการซื้อ
ตอนนี้ทุกคนเห็นภาพแล้วว่าเราเริ่มต้นเทรดมาได้ยังไง การเทรดคืออะไร เพื่อให้เข้าใจจุดเริ่มต้นของการเป็นเทรดเดอร์ เมื่อเราเห็นกราฟบนกระดานเทรดแล้วต่อจากนี้ก็จะเป็นเรื่องของกระบวนการการเรียนรู้เทคนิคแล้วว่าเราจะเลือกใช้เทคนิคไหนในการเทรด ซึ่งถ้าใครที่ติดตามบราโว่จะรู้กันอยู่แล้วว่าเทคนิคหลักของบราโว่แน่นอนว่าเป็นการเทรดโดยใช้หลักการของ Demand Supply
ทำไม Bravo ถึงเลือกใช้ Demand Supply
Demand Supply เป็นจุดเริ่มต้นเป็นพื้นฐานที่ทุกคนอยากจะสามารถนำไปเทรดได้เลยสำหรับคนที่เป็นมือใหม่ด้วย
ก่อนที่เราจะมารู้จักในเรื่องการเทรดทองคำกับ Demand Supply วันนี้อยากให้ทุกคนเข้าใจก่อนว่าทำไมต้องมาเทรด Demand Supply อยากให้เข้าใจการเทรดแบบกองทุน และระดับสถาบันก่อนว่ารายใหญ่เทรดกันยังไง หลายคนเข้ามาเทรดโดยใช้เครื่องมือและอินดิเคเตอร์ต่างๆ แต่ก็มีทั้งคนที่สำเร็จและไม่สำเร็จ วันนี้เราจะมาหาคำตอบกัน
ทั้งอาจารย์ซิ่งและอาจารย์เต้ยเทรด Demand Supply มามากกว่า 9 ปีแล้ว มีการวิจัยและทำ Back Test เก็บสถิติมาตลอดแล้วก็เห็นผลจริงๆว่า Demand Supply ใช้ได้จริงๆ ซึ่งอาจารย์ซิ่งเองเคยไปเรียนที่อเมริกากับ Sam Seiden ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของระบบ Demand Supply เราจะมาดูกันว่าการเกิดเบื้องหลังของ Demand Supply คืออะไรและทำไมเราต้องใช้ในการเทรด
หลักการของ Demand Supply เวลาเข้าเทรดเราต้องส่งออเดอร์ Buy เข้าไป และต้องมีคนส่งออเดอร์ Sell เพื่อที่จะรับของจากเรา ซึ่งเป็นแนวทางในการแลกเปลี่ยน สมมติเรา Buy ไป 10,000 เหรียญก็ต้องมีคนขายให้กับเรา 10,000 เหรียญ ซึ่งผู้ที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับออเดอร์ของเราอาจจะเป็น Trader รายย่อย หรือกองทุนก็ได้ หรืออาจจะเป็นเมเจอร์แบงค์คือแบงก์ใหญ่ของโลก ซึ่งเมื่อเราเข้ามาในตลาดเราเป็นเหมือนรายย่อยคนนึง ฉะนั้นจึงต้องเข้าใจรายใหญ่ก่อนว่ารายใหญ่นั้นมีกระบวนการในการที่จะเข้าออเดอร์หรือว่ามีหลักคิดยังไงบ้าง
ยกตัวอย่างว่าสมมติรายใหญ่ต้องการจะ Buy ทองที่ราคา 1800 จำนวน 600 ล้านลอต การที่จะแมตออเดอร์ทั้งหมดได้ต้องมีคนขายให้เขา 600 ล้านลอต ซึ่งตามปกติแล้วไม่มีออเดอร์ที่เพียงพอกับรายใหญ่
เมื่อรายใหญ่ต้องการคนที่จะมาเติมเต็มออเดอร์ของเขา สมมติว่ามีออเดอร์แมท 300 ล้านลอต ยังเหลืออีก 300 ล้านลอตที่ยังไม่แมท เกิดเป็น Unfilled Order หรือออเดอร์ที่ยังไม่ถูกจับคู่ เมื่อมันยังไม่ได้ถูกจับคู่จึงเกิดเป็นเป็นโซนขึ้นมาหรือที่เราเรียกว่า Demand Supply Zone นั่นเอง ซึ่งโซนที่เกิดขึ้นรายใหญ่รอคนที่จะสามารถเติมเต็มออเดอร์ของเขาอีกรอบนึงให้ได้ นั่นก็คือรายย่อยหรือว่าสิ่งที่เขาเรียกว่าแมงเม่านั่นเอง พอราคามาถึงที่โซนรายใหญ่สามารถเลือกได้ว่าจะส่งออเดอร์เท่าไหร่เขาสามารถเลือกได้ว่าเขาจะเอาออเดอร์ตัวนี้ไว้ไหมหรือว่าเขาสามารถเลือกได้ว่าโซนตรงนี้จะเอาไว้หรือเปล่าทั้งนี้ทั้งนั้นเราไม่รู้เลยว่ารายใหญ่เขาส่งออเดอร์มามากแค่ไหนเขาส่งออเดอร์มาเป็นจำนวนเท่าไหร่แล้วก็เราไม่รู้ว่ารายใหญ่เขาจะเอาออเดอร์ออกไปเมื่อไหร่
สิ่งที่เราเรียนรู้ได้เราจะเรียนรู้ได้แค่ Order ของรายใหญ่มีคุณภาพมากแค่ไหน หรือว่าออเดอร์ของโซนนั้นมีออเดอร์มากแค่ไหนแล้วก็เราควรเข้าเทรดตรงนั้นไหม
มันมีคำอยู่คำหนึ่งเขาบอกว่า
“ในขณะที่รายย่อยกำลังเสาะหาวิธีการมากมายเลยที่จะทำกำไรจากตลาดให้ได้มากที่สุด รายใหญ่เขากำลังศึกษาพฤติกรรมเราอยู่”
หมายความว่า ถึงแม้ว่าเราจะได้กลยุทธ์มาดีแค่ไหนรายใหญ่ก็ชนะเราอยู่ดี เลยเกิดเป็นคอนเซปต์ที่ว่าเราต้อง Stand out of the Radar คือเราต้องเป็นคนกลุ่มน้อยที่สามารถทำกำไรได้จากตลาดหรือว่าเป็นหนึ่งในคน 5% เท่านั้นเอง ซึ่งระบบ Demand Supply ของบราโว่พัฒนามาเป็นระบบเทรด Bravo Trading System ที่อาจารย์เต้ยพัฒนาขึ้นมาจากการเก็บสถิติว่าทำกำไรได้อย่างมหาศาล
สนใจคอร์สเรียน สัมมนาฟรี และข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อเราได้ที่
Facebook: Bravo Trade Academy Global
YouTube: Bravo Trade Academy
Line@: BravoTradeAcademy
Instagram: Bravotradeacademy
TikTok: @bravo_tradeacademy
Twitter: Toeybravo
Website: www.bravotradeacademy.com