ทุกวงการมีคำศัพท์เฉพาะที่ใช้ในการสื่อความหมายกับสิ่งต่าง ๆ และในวงการเทรดทองคำก็เช่นกัน วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับคำศัพท์ที่ใช้ในการเทรดทอง ลองมาดูกันว่าจะมีคำว่าอะไรและหมายความว่าอย่างไรบ้าง
ก่อนอื่นขอเกริ่นด้วยหน่วยคู่สกุลเงินของการเทรดทองคำกันก่อน การเทรดทองคำในตลาด Forex จะใช้สกุลเงินที่เรียกว่า XAU และตามด้วยสกุลเงินที่ทั่วโลกยอมรับ เช่น ทองคำกับดอลล่าร์สหรัฐก็จะเป็นคู่สกุลเงิน XAUUSD หรือ ทองคำกับยูโรก็จะเป็น XAUEUR นั่นเอง และสิ่งที่ควรรู้ในส่วนนี้ก็คือในแต่ละคู่สกุลเงินก็จะมีความผันผวนแตกต่างกันออกไปด้วย ส่วนคู่สกุลเงินที่นิยมเทรดก็คือ XAUUSD หรือทองคำกับดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งสามารถไปเรียนรู้เพิ่มเติมได้ในบทความการวิเคราะห์ทองคำ vs ดอลล่าร์สหรัฐ: ความสัมพันธ์และผลกระทบ
LEVERAGE
คำศัพท์แรกที่อยากแนะนำให้รู้จักกันนั่นก็คือคำว่า “Leverage” ข้อดีของการเทรดทอง Forex อย่างนึงก็คือการที่เทรดเดอร์สามารถมีอำนาจในการซื้อขายได้มากขึ้นเป็นทวีคูณ โดยแต่ละโบรกเกอร์ก็จะมี Leverage นี่แหละให้เทรดเดอร์เลือก เช่น 1:1 / 1:100 / 1:1,000 ซึ่งเทรดเดอร์จะเป็นผู้เลือกว่าต้องการ Leverage เท่าไหร่ในตอนที่ทำการเปิดบัญชีซื้อขาย
ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์มีเงินทุน 1,000 ดอลล่าร์สหรัฐ และเลือกใช้ Leverage 1:100 เทรดเดอร์ก็จะสามารถเทรดได้ถึง 100,000 ดอลล่าร์สหรัฐ เลยทีเดียว โดยคำนวณจาก 1,000 (ุทุน) x 100 (อัตราส่วนของ Leverage ที่เลือก)
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า Leverage จะยิ่งเพิ่มอำนาจในการซื้อมากขึ้น หากทำกำไรได้ก็จะได้กำไรมากเลย แต่ถ้าขาดทุนนั่นก็จะสูญเสียมากเช่นกัน
PIP
หน่วยการเคลื่อนไหวของราคาที่เล็กที่สุดของการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ หรือเป็นหน่วยนับการเคลื่อนที่ของราคา ซึ่ง XAUUSD หรือการเทรดทองจะมีทศนิยมเพียงสองตำแหน่งเท่านั้น
ตัวอย่างเช่น ราคาทองคำ 1,915.00 เคลื่อนไหวไปที่ 1,915.01 นั่นหมายถึงราคาเคลื่อนที่ไป 1 PIP นั่นเอง หรือ ราคาทองคำ 1,915.00 เคลื่อนไหวไปที่ 1,915.10 นั่นหมายถึงราคาเคลื่อนที่ไป 10 PIP
SPREAD
ค่าคอมมิสชั่นของโบรกเกอร์ หรือส่วนต่างระหว่างราคาซื้อกับราคาขาย ซึ่งราคาซื้อกับราคาขายก็จะมีคำศัพท์เรียกว่า Bid กับ Ask
Bid
ราคาซื้อ เป็นราคาที่โบรกเกอร์เสนอให้เมื่อเทรดเดอร์ต้องการเปิด Order Sell
Ask
ราคาขาย เป็นราคาที่โบรกเกอร์เสนอให้เมื่อเทรดเดอร์ต้องการเปิด Order Buy
ซึ่งโดยปกติการตั้งราคาซื้อขายของร้านทอง ราคารับซื้อมักจะถูกกว่าราคาขายออกเสมอ ส่วนต่างตรงนี้แหละที่เรียกว่า Spread ดังนั้นในการเทรด Order จะติดลบก่อนเสมอก็เพราะ Spread นี่แหละ หาก Spread น้อยหรือถูกก็ถือเป็นผลดีกับเทรดเดอร์ เพราะต้นทุนในการซื้อถูกก็จะทำให้สามารถทำกำไรได้ง่ายขึ้
SWAP
คือค่าธรรมเนียมที่เทรดเดอร์ต้องเสียเมื่อทำการเทรดข้ามคืน ซึ่งมีทั้งบวกและลบ เป็นดอกเบี้ยที่เทรดเดอร์จะได้หรือต้องจ่ายให้โบรกเกอร์เมื่อเปิด Order ข้ามคืน ซึ่งตรงนี้ขึ้นอยู่กับเวลาของเซิฟเวอร์ในแต่ละโบรกเกอร์ด้วย
BALANCE
ยอดเงินที่ฝากเข้าบัญชี (รวมถึงโบนัสด้วย) หรือยอดเงินคงเหลือก่อนการเปิด Order (ที่ไม่รวมกำไร/ขาดทุน) ไม่ใช่ยอดเงินแบบ Real time เช่น บัญชีมีการเปิด Order และติดลบอยู่ แต่ยังไม่ได้ทำการปิด Order ค่า Balance ก็จะยังไม่เปลี่ยนแปลง
EQUITY
คำนี้หมายถึงยอดเงินที่รวมกำไร/ขาดทุน (ต่างจาก Balance) หรือเป็นยอดเงินแบบ Real time นั่นเอง
MARGIN
เงินหลักประกันที่จะถูกหักไว้เมื่อเปิด Order ไม่ว่าจะเป็น Order Sell หรือ Order Buy แต่จะได้รับคืนเมื่อทำการปิด Order ซึ่ง Margin จะเกี่ยวข้องกับค่า Leverage ที่ใช้ด้วย
FREE MARGIN
คือเงินทุนที่เหลือจาก Margin ซึ่งเงินส่วนนี้เทรดเดอร์ยังสามารถใช้เปิด Order ได้อีก
MARGIN LEVEL
สิ่งที่บอกระดับ Margin ว่าเหลือเท่าไหร่ ซึ่งจะมีหน่วยเป็นเปอร์เซ็นต์ ถ้า Margin level เหลือน้อยกว่าที่โบรกเกอร์กำหนดก็จะมีการแจ้งเตือน
MARGIN CALL
เป็นการแจ้งเตือน Margin level นั่นเอง ซึ่งเป็นการเตือนว่าตอนนี้เทรดเดอร์มีเงินอยู่ในระดับต่ำแล้ว โบรกเกอร์จะจำกัดความเสี่ยงด้วยการให้เทรดเดอร์ฝากเงินเพิ่มหรือทำการปิดทุก Order เช่น จะมีการแจ้งเตือนเมื่อ Margin level ต่ำกว่า 60% หรือบังคับขายเมื่อต่ำกว่า 30% เป็นต้น ซึ่งโบรกเกอร์จะกำหนดระดับที่จะแจ้งเตือน
BUY
คือคำสั่ง Order เมื่อเทรดเดอร์คาดการณ์ว่าราคามีโอกาสที่จะขึ้น
SELL
คือคำสั่ง Order เมื่อเทรดเดอร์คาดการณ์ว่าราคามีโอกาสที่จะลง
ศัพท์คำสั่งล่วงหน้า
BUY LIMIT
การตั้งค่าคำสั่งซื้อไว้ ณ จุดที่คาดการณ์ว่าราคาจะลง ณ จุด ๆ นั้น เช่น ในขณะที่ราคากำลังพุ่งขึ้น เทรดเดอร์มีการคาดการณ์แล้วว่าราคาจะลง ณ จุด ๆ ไหน และทำการตั้งค่าคำสั่งซื้อ ณ จุดนั้นไว้นั่นเอง
BUY STOP
คือการตั้งค่าคำสั่งซื้อไว้ ณ จุดที่คาดการณ์ว่าราคาจะขึ้น ณ จุด ๆ นั้น เช่น ในขณะที่ราคากำลังพุ่งขึ้น เทรดเดอร์ทำการตั้งค่าคำสั่งซื้อ ณ จุดนั้นไว้ เพื่อให้เกิด Order Buy ตรงจุดนั้น
SELL LIMIT
ในทางกลับกันกับ Buy Limit คือการตั้งค่าคำสั่งซื้อไว้ ณ จุดที่คาดการณ์ว่าราคาจะลง ณ จุด ๆ นั้น เช่น เทรดเดอร์มีการคาดการณ์แล้วว่าราคาจะลง ณ จุด ๆ ไหน แต่จะมีจุดที่กราฟเด้งขึ้นมาเพื่อให้ทำการซื้อ จึงมีการตั้งค่าล่วงหน้า ณ จุดนั้นไว้นั่นเอง
SELL STOP
คือการตั้งค่าคำสั่งซื้อไว้ ณ จุดที่คาดการณ์ว่าราคาจะลง ณ จุด ๆ นั้น เช่น ในขณะที่ราคากำลังลง เทรดเดอร์ทำการตั้งค่าคำสั่งซื้อ ณ จุดนั้นไว้ เพื่อให้เกิดสถานะ SELL ตรงจุดนั้น ก่อนที่ราคาจะดิ่งลงต่อ
LOT
ปริมาณที่ใช้ในการเทรดในแต่ละครั้ง ในการเทรดจะใช้การเปิด Lot แทนจำนวนเงิน ซึ่งจะสูงหรือต่ำก็ขึ้นอยู่กับเงินทุนของเทรดเดอร์ สำหรับมือใหม่แนะนำที่ 0.01 ซึ่งเป็น Lot ที่ต่ำที่สุดของการเปิด Order แต่ละครั้ง
CONTRACT SIZE
ขนาดของสัญญาทองคำโดยที่ 1 LOT เท่ากับ 100 OZ (100 ทรอยออนซ์)
บทสรุป
ในเรื่องของคำศัพท์การเทรดทองคำเป็นสิ่งที่ต้องมีความเข้าใจไม่ใช่การท่องจำ และสิ่งที่จะทำให้เข้าใจได้อย่างดีที่สุดนั่นก็คือการลงมือปฏิบัติ ซึ่งนอกจากการฝึกด้วยบัญชีเดโม่แล้วก็อาจเข้าสัมนาต่าง ๆ เพื่อให้ได้พบปะกับผู้ที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ ซึ่งนั่นถือเป็นตัวช่วยในการประหยัดเวลาการเรียนรู้มากเลยทีเดียว
Sources: TradeGoldOnline.com, STRATEGIC GOLD
สนใจคอร์สเรียน สัมมนาฟรี และข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อเราได้ที่
Facebook: Bravo Trade Academy Global
YouTube: Bravo Trade Academy
Line@: BravoTradeAcademy
Instagram: Bravotradeacademy
TikTok: @bravo_tradeacademy
Twitter: Toeybravo
Website: www.bravotradeacademy.com