การเทรด Forex ซึ่งเป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก มอบโอกาสในการทำกำไรมหาศาล อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในตลาด Forex ไม่ได้ขึ้นอยู่กับทักษะการซื้อขายของคุณเท่านั้น นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณในการรับทราบข้อมูลที่สำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ในบทความนี้ เราจะรู้จักกับข่าวสำคัญ 5 ข่าวที่คุณควรจับตาดูเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากการเทรด Forex
Unemployment Rate : อัตราการว่างงาน
อัตราการว่างงานเป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการวัดอัตราการว่างงานของประเทศใดประเทศหนึ่ง หากตอนนี้อัตราการว่างงานต่ำหรือสูงก็ส่งผลต่อสกุลเงินประเทศนั้น ๆ เช่น หากเงินปอนด์มีอัตราการว่างงานต่ำกว่าเดือนก่อน ซึ่งหมายถึงคนมีงานทำมากขึ้น แปลว่าคนมีรายได้มากขึ้น นั่นคือการที่มีรายได้ที่ใช้แล้วทิ้งมากขึ้นด้วย เพื่อนำไปใช้ในระบบเศรษฐกิจของประเทศนั้น นั่นจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเงินปอนด์ในตัวอย่างนี้ เพราะมีแนวโน้มว่าจะผลักดันราคาของเงินปอนด์ให้สูงขึ้นเล็กน้อย
ทีนี้ลองมาดูอีกตัวอย่างนึง หากข้อมูลของเงินปอนด์มีค่าเป็นลบและอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น แปลว่ามีคนตกงานมากกว่าคนมีงาน นั่นหมายถึงมีรายได้ที่ใช้แล้วทิ้งน้อยลง ซึ่งแปลว่ายอดค้าปลีกลดลงด้วย และเงินที่กระจายอยู่ในระบบเศรษฐกิจก็ลดลง นี่จะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจและสุขภาพทางเศรษฐกิจโดยทั่วไปของประเทศนั้น ๆ ดังนั้นราคาของเงินปอนด์จะลดลงด้วย
และสำหรับคนที่เทรดทองหรือเทรดคู่เงินที่มี USD คู่เงินนี้ก็จะมีความผันผวนค่อนข้างมาก แล้วอัตราการว่างงานส่งผลอย่างไรต่อค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐบ้าง ก็เช่นเดียวกับตัวอย่างของเงินปอนด์ที่ได้อธิบายไปแล้วนั่นเอง
Gross Domestic Product : GDP
เชื่อว่าเทรดเดอร์หลาย ๆ คนคงยังไม่เคยใช้ GDP อย่างจริงจัง GDP นั้นเป็นหน่วยวัดที่สำคัญของทุกสิ่งที่ใช้ไปในประเทศ ซึ่งวัดทุกอย่างได้ถูกต้องที่สุด พูดง่าย ๆ คือ GDP จะวัดเสื้อผ้า อาหาร อุตสาหกรรมยานยนต์ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นผลรวม ดังนั้นหาก GDP ลดลง นั่นหมายถึงการใช้จ่ายในเศรษฐกิจของประเทศลดลง แปลว่าเศรษฐกิจไม่ดีนั่นเอง ซึ่งค่าของสกุลเงินก็จะต่ำลง
ในทางกลับกันถ้า GDP เพิ่มขึ้น คุณก็จะเห็นว่าค่าเงินเพิ่มขึ้น นั่นเป็นผลมาจากการใช้จ่ายในเศรษฐกิจของประเทศนั้นเพิ่มขึ้น และนี่เป็นสิ่งสำคัญที่เทรดเดอร์สามารถดูได้จริงที่การไหลเวียนของสกุลเงินระหว่างสองสกุลเงิน โดยอ้างอิง GDP เพียงอย่างเดียว
ดังนั้นถ้าเทรดเดอร์ดู GDP ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาของประเทศใดประเทศหนึ่งที่ใช้สกุลเงิน เช่น EUR ก็สามารถเห็นการเคลื่อนไหวของราคาในกรอบเวลาระยะยาว ซึ่งตรงนี้น่าสนใจมากถ้าเทรดเดอร์คำนึงถึงข้อได้เปรียบพื้นฐานและเศรษฐกิจการค้าตอนนี้
CPI (Consumer Price Index)
CPI คือ ดัชนีราคาผู้บริโภค นี่คือสิ่งที่ใหญ่มากเพราะนี่คือการวัดอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งตัวเลข CPI เนี่ยส่งผลกับกราฟราคาแบบเอาเรื่องเลยทีเดียว และอย่างที่ทุกคนรู้ดีว่าอัตราเงินเฟ้อในขณะนี้เป็นปัญหาใหญ่ทั่วโลก หลายคนคงกำลังสงสัยเกี่ยวกับจำนวนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน
ลองคิดถึงอัตราดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นเพื่อตอบโต้อัตราเงินเฟ้อ ดังนั้นหากอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นและ CPI วัดค่าได้สูง ก็จะเป็นผลดีต่อความแข่งแกร่งทางเศรษฐกิจ เพราะนั่นหมายถึงเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาขึ้น และจริง ๆ เราก็เห็นแนวโน้มขึ้นด้วย
เศรษฐกิจดีขึ้น ผู้คนจับจ่ายใช้สอบมากขึ้น เช่นเดียวกับ GDP หรืออัตราการว่างงานในข้างต้น เมื่อ GDP เพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ เราจะเห็นการเพิ่มขึ้นของ CPI และเมื่ออัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นโดยทั่วไปหมายความว่าเศรษฐกิจกำลังผ่านกระบวนการเสริมสร้างความเข้มแข็ง
Interest Rates : อัตราดอกเบี้ย
อัตราดอกเบี้ยนี้เป็นตัวชี้วัดอย่างหนึ่งเลยของกราฟราคาทองคำว่าราคานั้นมันจะวิ่งไปในทิศทางไหน และอัตราดอกเบี้ยนั้นจะใช้เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่สูง ดังนั้นหากเทรดเดอร์คำนึงว่าสองสิ่งนี้เชื่อมโยงกัน และทั้งสองสิ่งไหลจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง และส่วนอื่นที่บอกไปแล้วไม่ว่าจะเป็น GDP ที่เพิ่มขึ้น หรือ CPI ที่ลดลง ซึ่งจะนำไปสู่การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง ซึ่งปัจจุบันถือเป็นเครื่องมอืนโยบายหลักของธนาคารกลาง ในการที่จะเพิ่มหรือลดอัตราเงินเฟ้อ
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในขณะนี้คือการเข้มงวดหรือผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน โดยการผ่อนคลายคือการที่ธนาคารกลางใช้นโยบายผ่อนคลายและกระชับเชิงปริมาณ โดยสิ่งเหล่านี้เทรดเดอร์บางคนอาจไม่เคยได้ยิน หรือบางคนได้ยินแต่ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องอย่างไร
การกระชับเชิงปริมาณโดยทั่วไปหมายถึงอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และเหตุผลที่ธนาคารกลางทำเช่นนี้คือการทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลง เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงเกินไป และทำให้ผู้คนในประเทศนั้น ๆ ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ แต่หากอัตราเงินเฟ้อลดลงต่ำเกินไป โดยทั่วไปเราจะเห็นการผ่อนคลายของอัตราดอกเบี้ยเพื่อให้อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในเป้าหมายมาตรการ และเป้าหมายอัตรากำไรของธนาคารกลางในประเทศนั้น
NFP (Non-farm Payroll)
NFP คือตัวเลขการจ้างงาน ยกเว้นภาคการเกษตร ตัวเลขนั้นสามารถบอกได้ว่าเงินเดือนนอกภาคเกษตรกรรมเป็นการวัดปริมาณงานที่เพิ่มหรือถอดออกจากระบบเศรษฐกิจในเดือนก่อน ๆ เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องใหญ่มากหากตัวเลขเงินเดือนนอกภาคเกษตรออกมาสูงขึ้น นั่นดูเหมือนว่าเรากำลังเห็นแนวโน้มขาขึ้น เพราะนั่นหมายถึงมีคนถูกจ้างงานเพิ่มขึ้น มีคนทำงานมากขึ้น มีเงินใช้มากขึ้น ซึ่งหมายถึงความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ
ในขณะที่เทรดเดอร์เห็นแนวโน้มนั้นเริ่มลดลง ซึ่งโดยทั่วไปหมายถึงงานนั้น ๆ ถูกลบออกจากตลาด ผู้คนมีรายได้น้อยลง ใช้จ่ายน้อยลง ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ไปสักระยะก็จะเริ่มเกิดปัญหาทางเศรษฐกิจ
ปกติแล้วข่าว Non-farm จะมาทุกต้นเดือน ทุกวันศุกร์ เป็นข่าวที่สร้างความผันผวนให้กับตลาดเป็นอย่างมาก
บทสรุป
เหตุการณ์ข่าวทั้ง 5 นี้ ที่เกิดขึ้นในตลาดฟอเร็กซ์มีผลกระทบต่อตลาดต่าง ๆ ทั่วโลกเช่นกัน ทุกข่าวมีความสัมพันธ์ในส่วนของแนวโน้ม นี่คือวิธีวัดจุดแข็งจุดอ่อนในตลาดที่เทรดเดอร์ควรติดตามอย่างสม่ำเสมอ เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นในการรู้ข่าวเศรษฐกิจที่ควรรู้
Source : ForexSignals TV
สนใจคอร์สเรียน สัมมนาฟรี และข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อเราได้ที่
Facebook: Bravo Trade Academy Global
YouTube: Bravo Trade Academy
Line@: BravoTradeAcademy
Instagram: Bravotradeacademy
TikTok: @bravo_tradeacademy
Twitter: Toeybravo
Website: www.bravotradeacademy.com