Pending Order คืออะไร
การตั้ง pending Order เป็นการที่เราตั้งออเดอร์เอาไว้ในจุดที่ราคายังวิ่งไปไม่ถึงแต่เมื่อราคาวิ่งไปถึงจุดที่เราตั้งออเดอร์ไว้เมื่อไหร่ก็จะทำการเปิดออเดอร์ให้เราโดยทันทีแบบอัตโนมัตินั่นเอง ทำให้ง่ายต่อการวางแผนเทรดเพราะเราสามารถตั้งออเดอร์ไว้ล่วงหน้าได้ และถ้าราคามาไม่ถึงเราก็สามารถกำหนดวันหมดอายุไว้ได้ โดยการตั้ง Pending Order แบ่งออกเป็น 2 แบบหลักๆก็คือ Stop Order และ Limit Order
Limit Order คืออะไร
Limit Order คือคำสั่งที่รอการดำเนินการ โดยหลักการคือไม่สามารถดำเนินการในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่ระบุได้ จะใช้คำสั่งนี้ก็ต่อเมื่อเราคิดว่าพอราคาวิ่งไปถึงจุดที่เราตั้งไว้แล้วจะเกิดการกลับตัวนั่นเอง โดยแบ่งคำสั่งเป็นสองประเภท คือ คำสั่ง Sell Limit และคำสั่ง Buy Limit
1. Sell Limit
เป็นคำสั่งที่ใช้ในการเปิดออเดอร์ขาย เมื่อราคาขึ้นมาถึงระดับที่ตั้งไว้ที่สูงกว่าราคาปัจจุบัน (คำสั่ง Sell Limit สามารถวางได้เฉพาะเหนือราคาตลาดปัจจุบันเท่านั้น) คำสั่ง Sell Limit จะถูกดำเนินการในราคาที่ระบุไว้หรือดีกว่านั้น คำสั่งประเภทนี้อาจถูกดำเนินการบางส่วนหากมีสภาพคล่องที่มีปริมาณการซื้อขายที่ไม่เพียงพอในราคาที่ตั้งไว้
อย่างเช่น สมมุติราคาทองคำอยู่ที่ 1780 แล้วเราตั้งเซลล์ลิมิตไว้ที่ราคา 1790 พอราคาขึ้นไปที่ 1790 เมื่อไหร่ก็จะเปิดออเดอร์เซลล์ให้เราและถ้าราคาปรับตัวลงมาเราก็จะได้กำไรนั่นเอง
คำสั่ง Sell Limit จะถูกดำเนินการในราคา BID และออเดอร์จะถูกปิดในราคา ASK (BID + สเปรด)
2. Buy Limit
ใช้สำหรับเข้าออเดอร์ซื้อ เมื่อราคาลงมาถึงระดับที่ตั้งไว้ โดยต้องเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาปัจจุบัน (คำสั่ง Buy Limit สามารถวางได้เฉพาะด้านล่างราคาตลาดปัจจุบัน) คำสั่ง Buy Limit จะถูกดำเนินการในราคาที่ระบุไว้หรือดีกว่า คำสั่งประเภทนี้อาจถูกดำเนินการบางส่วนหากมีปริมาณการซื้อขายที่ไม่เพียงพอตามราคาที่ตั้งไว้
อย่างเช่น สมมุติราคาทองคำอยู่ที่ 1780 ถ้าเราตั้งออเดอร์บายลิมิตเอาไว้ที่ 1770 พอราคาลงมาถึง 1770 ก็จะเปิดออเดอร์ Buy นั่นเองแสดงว่ามีโอกาสที่กราฟจะกลับตัวที่ 1770 แล้วขึ้นต่อไปนั่นเอง เมื่อราคามาถึงและเปิดออเดอร์ Buy แล้วขึ้นต่อแสดงว่าเราจะได้กำไร
คำสั่ง Buy Limit จะถูกดำเนินการในราคา ASK (BID + spread) และออเดอร์จะถูกปิดในราคา BID
Stop Order คืออะไร
Stop Order คือ คำสั่งรอดำเนินการที่ราคาตลาด หมายความว่าคำสั่งนี้อาจถูกดำเนินการในราคาที่แย่กว่าที่ระบุไว้ เราจะใช้คำสั่งนี้ก็ต่อเมื่อเราคิดว่าราคามีโอกาสที่จะไปตามทางนั้นๆต่อ โดยแบ่ง Stop Order สองประเภท คือ Buy Stop และ Sell Stop
1. Buy Stop
คำสั่ง Buy Stop ใช้สำหรับการซื้อสินทรัพย์เมื่อราคาถึงระดับที่ระบุไว้ที่สูงกว่าราคาปัจจุบัน (คำสั่ง Buy Stop ใช้เข้าซื้อที่ราคาด้านบนของราคาตลาดปัจจุบันเท่านั้น) คำสั่งนี้อาจดำเนินการในราคาที่ระบุไว้หรือในราคาที่สูงกว่า (แย่ลง) ขึ้นอยู่กับราคาตลาดปัจจุบัน คำสั่ง Stop จะถูกดำเนินการทั้งหมดตามความสามารถในการจัดสรรเงินทุนที่มีในราคาที่กำหนด
เช่น สมมุติว่าตอนนี้ราคาทองคำอยู่ที่ 1780 ถ้าเราตั้ง Buy Stop ไว้ที่ราคา 1790 หมายความว่าถ้าราคาวิ่งขึ้นไปถึง 1790 เมื่อไหร่ก็จะเปิดออเดอร์ Buy ให้เราทันทีแล้วถ้าราคาขึ้นต่อไปเราก็จะได้กำไร
คำสั่ง Buy Stop จะถูกดำเนินการที่ราคา ASK (BID + สเปรด) และปิดที่ราคา BID
2. Sell Stop
คำสั่ง Sell Stop ใช้ในการขายเมื่อราคาของมันถึงระดับที่ตั้งไว้ที่ต่ำกว่าระดับปัจจุบัน (คำสั่ง Sell Stop สามารถวางได้เฉพาะราคาต่ำกว่าราคาปัจจุบันของตลาด) คำสั่งนี้อาจถูกดำเนินการที่ราคาที่ระบุโดยลูกค้าหรือราคาที่ต่ำกว่า (ราคาที่แย่ลง) ขึ้นอยู่กับราคาตลาดปัจจุบัน
เช่น สมมุติว่าตอนนี้ราคาทองคำอยู่ที่ 1780 เราตั้ง Sell Stop ไว้ที่ 1770 เพราะราคาวิ่งลงมา 1770 เมื่อไหร่ก็จะเปิดออเดอร์ Sell ให้เราแล้วถ้าราคาลงต่อเราก็จะได้กำไรนั่นเอง
คำสั่ง Sell Stop จะถูกดำเนินการที่ราคา BID และตำแหน่งจะถูกปิดที่ราคา ASK (BID + spread)
สนใจคอร์สเรียน สัมมนาฟรี และข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อเราได้ที่
Facebook: Bravo Trade Academy Global
YouTube: Bravo Trade Academy
Line@: BravoTradeAcademy
Instagram: Bravotradeacademy
TikTok: @bravo_tradeacademy
Twitter: Toeybravo
Website: www.bravotradeacademy.com