ภาษี Forex ในประเทศไทยยังไม่มีการออกกฎหมายเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับการเทรด Forex โดยตรง อย่างไรก็ตาม รายได้จากการเทรด Forex อาจถือเป็นรายได้ประเภทหนึ่งที่ต้องเสียภาษีในฐานะบุคคลธรรมดาหรือรายได้อื่น ๆ ที่มีกฎหมายรองรับ โดยหลัก ๆ แล้ว นักเทรดที่มีรายได้จาก Forex หรือเป็น Full-Time Trader จำเป็นต้องเสียภาษีเช่นเดียวกับบุคคลธรรมดาที่มีรายได้จากการประกอบอาชีพอื่น ๆ
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา: หากคุณเป็นบุคคลธรรมดาที่ทำการเทรด Forex รายได้จากการเทรดนั้นถือเป็น “รายได้จากการลงทุน” ซึ่งต้องนำไปรวมกับรายได้อื่น ๆ แล้วคำนวณภาษีตามหลักเกณฑ์ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในประเทศไทย
นักเทรดจำเป็นต้องเสียภาษีหรือไม่?
ใช่ หากคุณมีรายได้จากการเทรด Forex คุณจำเป็นต้องรายงานและเสียภาษีตามกฎหมายไทย โดยขึ้นอยู่กับว่าคุณมีรายได้สุทธิต่อปีมากน้อยเพียงใด ในกรณีที่รายได้จาก Forex เป็นเพียงส่วนหนึ่งของรายได้ทั้งหมด คุณต้องรวมกับรายได้จากแหล่งอื่น ๆ และเสียภาษีตามฐานรายได้ของคุณ สรรพากรแนะนำให้คุณศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการยื่นภาษีและขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี
Forex จัดเป็นเงินได้ประเภทไหน ?
รายได้จากการเทรด Forex จัดเป็น เงินได้ประเภทที่ 40(4) ตามประมวลรัษฎากร ซึ่งครอบคลุมถึงเงินได้ที่เกิดจากดอกเบี้ย เงินปันผล ส่วนแบ่งกำไร หรือรายได้จากการลงทุนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่การประกอบธุรกิจหลัก เช่น กำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์ การลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงิน รวมถึงรายได้จากการซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศ (เช่น Forex)
การเทรด Forex จึงถือว่าเป็นการลงทุน และรายได้ที่เกิดขึ้นนั้นจะต้องนำมารวมในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือภาษีนิติบุคคล ขึ้นอยู่กับสถานะของผู้เสียภาษี
เงินได้ประเภทที่ 1: รายได้จากการทำงานหรือจากการจ้างแรงงาน เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนัส ค่าล่วงเวลา
เงินได้ประเภทที่ 2: รายได้จากวิชาชีพอิสระ เช่น แพทย์ ทนายความ สถาปนิก นักบัญชี
เงินได้ประเภทที่ 3: รายได้จากการรับเหมา เช่น รายได้จากการรับเหมาก่อสร้าง
เงินได้ประเภทที่ 4: รายได้จากดอกเบี้ย เงินปันผล ส่วนแบ่งกำไร หรือรายได้จากการลงทุน เช่น ดอกเบี้ยจากธนาคาร รายได้จากหุ้น กำไรจากการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน
เงินได้ประเภทที่ 5: รายได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน เช่น ค่าเช่าที่ดิน บ้าน อาคาร หรือทรัพย์สินอื่น ๆ
เงินได้ประเภทที่ 6: รายได้จากลิขสิทธิ์หรือสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา เช่น ค่าลิขสิทธิ์จากหนังสือ เพลง หรือซอฟต์แวร์
เงินได้ประเภทที่ 7: รายได้จากการประกอบกิจการอื่น ๆ ที่ไม่เข้าพวกข้างต้น เช่น ค่านายหน้า ค่าคอมมิชชั่น หรือรายได้จากการเป็นที่ปรึกษา
เงินได้ประเภทที่ 8: รายได้อื่น ๆ ที่ไม่เข้าพวกกับประเภทก่อนหน้านี้ เช่น รางวัลจากการแข่งขัน การได้รับมรดกที่มีมูลค่าสูง หรือรายได้จากการขายสินทรัพย์ส่วนตัวที่ไม่ใช่การซื้อขายเพื่อธุรกิจ
ผู้ที่ต้องเสียภาษีจากรายได้การเทรด Forex มีดังนี้
บุคคลธรรมดา
- หากคุณเป็นนักเทรด Forex ที่มีรายได้จากการซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศในบัญชีส่วนตัว คุณต้องนำรายได้นั้นไปรวมกับรายได้อื่น ๆ และยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี (ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา) ตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
- รายได้จาก Forex อาจถูกจัดเป็น “เงินได้ประเภทที่ 40(4)” (รายได้จากการลงทุน เช่น ดอกเบี้ย หรือกำไรจากการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน) ดังนั้น คุณจำเป็นต้องรายงานและเสียภาษีหากรายได้สุทธิถึงเกณฑ์ที่ต้องยื่นภาษีตามที่กฎหมายกำหนด
ข้อควรระวัง
- นักเทรดที่มีรายได้จาก Forex ควรทำการบันทึกรายได้และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด เพื่อการยื่นภาษีที่ถูกต้องและเป็นไปตามกฎหมาย
- แม้ว่ากฎหมายในประเทศไทยยังไม่มีข้อกำหนดเฉพาะสำหรับการเทรด Forex การรายงานรายได้จากการลงทุนก็เป็นหน้าที่ตามกฎหมายของผู้เสียภาษี
การคำนวณภาษี Forex จะเป็นการคำนวณแบบขั้นบันได ซึ่งสามารถศึกษาตัวอย่างการคำนวณ
ตัวอย่างการคำนวณ
สมมุติว่าคุณทำกำไรจากการเทรด Forex ได้ 500,000 บาทในปีนั้น และมีรายได้จากเงินเดือนอีก 300,000 บาท รวมรายได้ทั้งหมดคือ 800,000 บาท
- กำไรจาก Forex (เงินได้ประเภทที่ 40(4)) = 500,000 บาท
- หักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 40% แต่ไม่เกิน 60,000 บาท
ค่าใช้จ่ายที่หักได้ = 60,000 บาท - รายได้สุทธิจากการเทรด Forex = 500,000 – 60,000 = 440,000 บาท
- รวมกับเงินเดือน 300,000 บาท
รายได้สุทธิรวม = 440,000 + 300,000 = 740,000 บาท - หักค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท รายได้สุทธิเพื่อคำนวณภาษี = 740,000 – 60,000 = 680,000 บาท
- คำนวณภาษีตามขั้นบันได
- รายได้สุทธิ 150,000 บาทแรก: ยกเว้นภาษี
- ส่วนที่เกิน 150,000 – 300,000 บาท: 5% = 7,500 บาท
- ส่วนที่เกิน 300,000 – 500,000 บาท: 10% = 20,000 บาท
- ส่วนที่เกิน 500,000 – 680,000 บาท: 15% = 27,000 บาท
- ภาษีที่ต้องจ่ายรวม = 7,500 + 20,000 + 27,000 = 54,500 บาท
นี่คือวิธีการคำนวณภาษีจากรายได้การเทรด Forex อย่างถูกต้อง
เคล็ดลับ: ใช้แอปพลิเคชัน iTax ที่จัดทำโดยกรมสรรพากรสำหรับการคำนวณภาษีที่แม่นยำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเพิ่งเริ่มต้นลงทุน
เทรดเดอร์ลดหย่อนภาษี Forex ได้อย่างไรบ้าง ?
เทรดเดอร์สามารถลดหย่อนภาษีจากการเทรด Forex ได้โดยใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีต่าง ๆ ที่กรมสรรพากรอนุญาตให้บุคคลธรรมดานำไปหักจากรายได้ที่ต้องเสียภาษี ซึ่งช่วยลดภาระภาษีที่ต้องจ่ายลงได้ รายการลดหย่อนภาษีที่เทรดเดอร์สามารถใช้มีดังนี้:
1. ค่าลดหย่อนส่วนบุคคล
- ทุกคนสามารถใช้สิทธิลดหย่อนส่วนบุคคลได้โดยอัตโนมัติ คือ 60,000 บาท
2. ค่าลดหย่อนคู่สมรส
- หากคุณมีคู่สมรสที่ไม่มีรายได้ สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อน 60,000 บาท เพิ่มได้
3. ค่าลดหย่อนบุตร
- บุตรคนแรกสามารถลดหย่อนได้ 30,000 บาท
- หากมีบุตรคนที่สองขึ้นไป ลดหย่อนได้เพิ่มอีก 30,000 บาท ต่อคน
- หากบุตรกำลังศึกษาอยู่ ลดหย่อนได้เพิ่มอีก 2,000 บาท ต่อคน
4. ประกันชีวิต
- สามารถลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตได้สูงสุด 100,000 บาท หากเป็นประกันชีวิตที่มีอายุกรมธรรม์ไม่ต่ำกว่า 10 ปี
5. ประกันสุขภาพบิดามารดา
- สามารถลดหย่อนค่าเบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดาได้สูงสุด 15,000 บาท
6. กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
- สามารถหักลดหย่อนได้สูงสุด 15% ของรายได้ และไม่เกิน 500,000 บาท
7. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund)
- หักลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 15% ของรายได้ หรือไม่เกิน 500,000 บาท
8. กองทุนเพื่อการออม (SSF)
- สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท
9. เบี้ยประกันสุขภาพ
- สามารถหักลดหย่อนค่าเบี้ยประกันสุขภาพได้สูงสุด 25,000 บาท
10. ดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย
- สามารถลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท ของดอกเบี้ยที่จ่ายไปสำหรับการกู้ซื้อบ้าน
11. เงินบริจาค
- เงินบริจาคสามารถหักลดหย่อนได้เต็มจำนวนหรือ 2 เท่า ของเงินที่บริจาค ขึ้นอยู่กับประเภทของการบริจาค เช่น บริจาคเพื่อการศึกษา โรงพยาบาล หรือกิจการสาธารณกุศล
12. การลงทุนใน Startup หรือ SME
- หากคุณลงทุนในธุรกิจ Startup หรือ SME ที่ผ่านเกณฑ์ คุณอาจสามารถลดหย่อนการลงทุนได้ตามที่กำหนด
13. ค่าลดหย่อนอื่น ๆ
- เช่น ค่าลดหย่อนพ่อแม่ที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ค่าลดหย่อนสำหรับผู้สูงอายุ และค่าลดหย่อนผู้พิการ
ตัวอย่างการลดหย่อน
หากคุณเป็นเทรดเดอร์ที่มีรายได้จาก Forex 500,000 บาท และคุณจ่ายเบี้ยประกันชีวิต 100,000 บาท และมีบุตร 2 คน ค่าใช้จ่ายและการลดหย่อนที่ใช้ได้อาจเป็นดังนี้:
- ค่าลดหย่อนส่วนบุคคล: 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนบุตร: 30,000 บาท x 2 = 60,000 บาท
- ประกันชีวิต: 100,000 บาท
รวมการลดหย่อนได้ทั้งหมด: 60,000 + 60,000 + 100,000 = 220,000 บาท
หลังจากใช้สิทธิลดหย่อนเหล่านี้ จะนำรายได้สุทธิที่เหลือไปคำนวณภาษีต่อไป
สนใจคอร์สเรียน สัมมนาฟรี และข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อเราได้ที่
Facebook: Bravo Trade Academy Global
YouTube: Bravo Trade Academy
Line@: BravoTradeAcademy
Instagram: Bravotradeacademy
TikTok: @bravo_tradeacademy
Twitter: Toeybravo
Website: www.bravotradeacademy.com